“ดร.เจษฎา” คลายข้อสงสัย งูเขียวมีหงอนคล้ายพญานาค คือ Rhinoceros ratsnake
“ดร.เจษฎา” คลายข้อสงสัย งูเขียวมีหงอนคล้ายพญานาค คือ Rhinoceros ratsnake มีถิ่นกำเนิดจากเวียดนาม
กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพงูเขียวมีหงอน ถูกพบหน้าทางเข้าเกาะคำชะโนด สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่พบเห็นหลายคนขนานนามว่าเป็นงูพญานาค เพราะมีลักษณะคล้ายกัน ขณะที่บางส่วนเชื่อว่างูดังกล่าวเป็นบริวารของพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นงูเขียวที่เป็นลักษณะนี้มาก่อน
ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯและยังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตถุงคุกกี้ซีลกลาง ซองคุกกี้ซีล โพสต์ข้อความในแฟนเพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์”ระบุว่า
บางคน อาจจะมองมันเป็น “งูศักดิ์สิทธิ์มีหงอน” สาธุๆ แต่สำหรับผม มันคือ งูหนูแรด “Rhinoceros ratsnake” นำเข้าจากประเทศเวียดนามครับ
งู rhinoceros ratsnake (ชื่อวิทยาศาสตร์ Gonyosoma boulengeri) หรือ งูหนูแรด หรือ งูแรด หรือ งูจมูกยาวเวียดนาม (Vietnamese longnose snake) เป็นงูที่ไม่มีพิษสปีชีส์หนึ่ง ในวงศ์ Colubridae
งูชนิดนี้พบได้ตั้งแต่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ไปจนถึงตอนใต้ของประเทศจีน มันมีส่วนที่ยื่นยาว เด่น มีเกล็ด อยู่บนด้านหน้าของจมูกของมัน เลยทำให้ถูกเรียกชื่อตามลักษณะนอของแรด
ตัวเต็มวัยของงูหนูแรด มีความยาวจรดปลายหาง 100–160 เซนติเมตร ถ้านับจำนวนเกล็ดที่ด้านหลังของส่วนกลางลำตัว จะนับได้ 19 แถว
งูหนูแรด มีถิ่นอาศัยในป่าฝนเขตกึ่งร้อน ที่ระดับความสูง 300 ถึง 1,100 เมตร และมักเป็นหุบเขาที่มีลำธาร ปรกติมันจะอยู่บนต้นไม้ และส่วนใหญ่หากินในเวลากลางคืน ล่าหนูตัวเล็กๆ และสัตว์ฟันแทะอื่นๆ นก และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นๆ
ออกลูกเป็นไข่ และมีฤดูจับคู่ผสมพันธุ์ ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ออกไข่ 5-10 ฟองต่อครั้ง และหละงจากกกไข่ไว้ 60 วัน ก็จะฟักออกมาเป็นลูกงูขนาดยาว 30–35 ซม. สีเทาอมน้ำตาล และมีขอบสีเข้มอยู่บนเกล็ดด้านหลังบางส่วน
เมื่อโตขึ้น อายุ 12-14 เดือน งูหนูแรดจะเปลี่ยนสีเป็นสีเทา แล้วส่วนมากจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมฟ้า เมื่อเป็นตัวเต็มวัยอายุ 24 เดือน
จากการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัย Bangor University ได้เสนอว่า ส่วนที่ยื่นออกมาจากจมูกของงูนั้น มีไว้สำหรับการผสมพันธุ์ โดยงูตัวผู้อาจจะใช้ต่อสู้กับงูคู่แข่งแต่การศึกษาอื่นๆ กลับไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ส่วนยื่นจากจมูกนี้ กับการแสดงออกเวลาสืบพันธุ์ ทำให้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่า หน้าที่ที่แท้จริงนั้นคืออะไรกันแน่