“มิ้น มิณฑิตา” ย้อนมรสุมชีวิต ถูกพักงาน ผู้ใหญ่เรียกคุย เข้ากองละครแต่ไม่มีใครคุยด้วย?
พร้อมเปิดใจเล่าถึงหลากหลายช่วงเวลาในชีวิตแบบหมดเปลือก สำหรับ มิ้น มิณฑิตา นักร้อง-นักแสดงสาวมากความสามารถ นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่วงการ ในวันที่มีคนรักมีคนรู้จัก จนถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์เพราะมรสุมดราม่าถาโถม และ มิ้น มิณฑิตา ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ที่เข้มแข็ง และมีความสุข เพราะเรียนรู้ที่จะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ปัญหาของมิ้นเลย..คือชอบคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่มีปัญหา ทั้งๆ ที่ตอนนั้นอาจจะกำลังมีปัญหาอยู่”
ประโยคเริ่มต้นเลเวลวัยเด็กของ มิ้น AF3 หรือ มิ้น มิณฑิตา เจ้าตัวได้เปิดใจผ่านรายการ Level up ที่ออนแอร์ทางช่องยูทูบ Thairath Online Originals บอกถึงชีวิตในวัยเยาว์ มิ้นผ่านช่วง Wednesday Child หรือเด็กมีปัญหาการเป็นลูกคนกลางมาได้ เพราะการอยู่ในกรอบการเลี้ยงดูของครอบครัวมาโดยตลอด กลไกการเลี้ยงดูทำให้เธอไม่คิดที่จะออกนอกลู่นอกทาง
กระทั่งเลเวลถัดไป ที่ มิ้น มิณฑิตา บอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต คือช่วงที่ได้เข้าสู่การประกวดร้องเพลง ตามมาด้วยผลงานละครซึ่งเป็นช่วงที่ทำให้คนรู้จักมิ้นทั้งในฐานะศิลปินและนักแสดงจากเรื่องแรงเงา ชื่อเสียงและแสงไฟที่มาพร้อมกับช่วงที่โดนข่าวประเด็นทางการเมืองมากที่สุด มิ้น มิณฑิตา นิยามชีวิตว่าเหมือนโดนดึงจากที่สูงที่สุดลงมาอยู่ที่ก้นเหว ภายในคืนเดียว…กล่องใส่ส้ม /
กระทั่งเลเวลถัดไป ที่ มิ้น มิณฑิตา บอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต คือช่วงที่ได้เข้าสู่การประกวดร้องเพลง ตามมาด้วยผลงานละครซึ่งเป็นช่วงที่ทำให้คนรู้จักมิ้นทั้งในฐานะศิลปินและนักแสดงจากเรื่องแรงเงา ชื่อเสียงและแสงไฟที่มาพร้อมกับช่วงที่โดนข่าวประเด็นทางการเมืองมากที่สุด มิ้น มิณฑิตา นิยามชีวิตว่าเหมือนโดนดึงจากที่สูงที่สุดลงมาอยู่ที่ก้นเหว ภายในคืนเดียว… กล่องใส่ส้ม / กล่องเจาะรู
“ก็มีความพยายามมากมาย จากทางฝั่งหนึ่ง ที่มองว่าเราเป็นคนละฝั่งกับเค้า พยายามให้ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หรือกระทู้ต่างๆ พยายามใส่ไฟว่าเราไปชุมนุม หรือพยายามที่จะปั่นเรื่องเอง เพื่อเชื่อมโยงเรื่องราวที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง”
“ต้องยอมรับเลยว่าวันนั้น ณ โมเมนต์นั้นมีแต่คำว่าช็อค ช่วงนั้นโดนยกเลิกงาน และโดนผู้ใหญ่เรียก เพื่อบอกว่าช่วงนี้ให้เงียบไปก่อน ปีเดียวคนก็ลืม”
16+ดูภาพทั้งหมดมิ้น มิณฑิตา
Advertisement
“เคยเข้ากองละครที่ยังต้องถ่ายต่อ จากที่เคยมีคนเอ็นดูเรา กลายเป็นไม่มีใครคุยกับเราเลย ก็นั่งกินข้าวคนเดียว ช่วงที่บรีพงานก็ทำงานแบบที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเรา
มันก็เลยเป็นพาร์ทที่ยากกับชีวิตเรา มันเครียดกับความรู้สึกที่ว่า มันไม่ยุติธรรมกับชีวิตเราเลย ซ้ำร้ายช่วงนั้นยังโดนแอบถ่ายในห้องน้ำ รู้สึกกลัวโลก กลัวสังคมเข้าไปอีก ช่วง 18-25 ปี จึงเป็นช่วงเลเวลที่ชีวิตพร่ามัวสุดๆ”
สิ่งที่ทำให้มิ้นผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ คือการอยู่ด้วยความเข้าใจ และค่อยๆ เรียนรู้ว่าประเด็นทางการเมืองที่ตัวเองโดยยึดโยงไป เพราะมีคนที่ได้รับผลกระทบ และมีความสูญเสียเกิดขึ้น
และมิ้นในเลเวลปัจจุบัน เป็นมิ้นที่มีความสุขกับการใช้ชีวิต กล้าที่จะพูดถึงเรื่องในอดีตได้อย่างเข้มแข็งและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จากที่เคยมีความฝันหลายอย่าง แต่เลือกจะวางทิ้งไว้เพียงเพราะคิดว่าความฝันนั้นไม่เหมาะสมกับตัวเอง ตอนนี้มิ้นเลือกจะทำในสิ่งที่รัก และเติมเต็มชีวิตตัวเองในเลเวลที่เธอมีความสุขมากที่สุด